บิวกิ้น เจอดราม่าตั้งแต่ต้นปี ถือเคล็ดล้างห้องน้ำวัดสะเดาะเคราะห์ แจงฟ้องรุ่นพี่
เพิ่งจะไปทำบุญล้างห้องน้ำวัดสะเดาะเคราะห์ หลังจากพบดราม่าตั้งแต่ปี “บิวกิ้น พุฒิพงศ์ อัสสรัตนกุล” สารภาพว่าอาจจะเพราะเป็นปีชงแต่รับมือไหว ทั้งโดนรุ่นพี่สร้างแชตปลอมแฉ จนถึงกลับต้องจัดการด้านกฎหมาย หรือเรื่องที่โดนขุดอดีต ที่ครั้งหนึ่งเคยล้อเลียนเพื่อน พบ “บิวกิ้น” ร่วมงาน “Daikin Per fecting the Air for All”
ถามถึงที่ล่าสุดไปทำบุญมา เนื่องในโอกาสอะไร?
“ไม่ได้เนื่องในโอกาสอะไรเลย พอดิบพอดีมีพี่ผู้ใหญ่คนหนึ่งเค้าจะไปอยู่แล้ว เค้าเอ็นดูผมกับพีพี ก็เลยชวนอยากให้เราไปด้วย ก็ไปล้างห้องน้ำที่วัดครับผม แล้วก็ไปพบสมเด็จพระสังฆราชครับผม ก็ทำบุญต้อนรับปีใหม่ด้วยครับ จริงๆ มิได้คิดอะไรเลย เป็นครั้งแรกเลย ที่ได้ล้างห้องน้ำวัด ก็เป็นประสบการณ์ใหม่ที่ดีของพีพีด้วย แล้วก็เป็นการล้างห้องน้ำที่แรกในชีวิตด้วย ผมว่ามันสนุกดีนะ”
เป็นการทำบุญสะเดาะเคราะห์ด้วยมั้ย?
“ก็ได้นะครับ จริงๆ ปีนี้ก็มีชงอยู่เหมือนกันก็ถือโอกาสไปเลย แต่มิได้ขอพรอะไรเป็นพิเศษ ก็เข้าไปแบบปล่อยใจให้สบายๆ”
สมเด็จพระสังฆราชท่านให้พรอะไรเราบ้าง?
“จริงๆก็มิได้ให้พรอะไรมาก ส่วนใหญ่ท่านก็จะพูดคุย พรมน้ำมนต์และก็กลับ เข้าไปกราบท่านมากกว่า”
พูดว่าปีชง เราชงหนักขนาดไหน?
“ไม่ทราบว่าหนักแค่ไหน แต่ปีนี้มาก็ใช้ได้อยู่ (หัวเราะ) ถามว่าเชื่อมั้ย ก็ฟังหูไว้หู ไม่ได้เชื่อขนาดนั้น แต่ก็มิได้ลบหลู่ แต่พอได้ทำบุญ ก็เป็นที่ยึดเหนี่ยวทางด้านจิตใจครับผม”
ปัจจุบันทางค่ายเราก็ออกหนังสือฟ้องแล้ว เรายื่นฟ้องไปกี่กรณี?
“กรณีเดียวครับผม ตามที่แจ้งไปคือมันเป็นเรื่องที่เค้ามาพูดถึง เราในตอนเรียน ซึ่งเราก็มีการตรวจสอบ จริงๆผมโทร.ไปคุยกับเค้าเอง เนื่องจากเป็นรุ่นพี่ที่โรงเรียนผม ก็มีการคุยถามเคลียร์ใจกัน จริงๆ ผมไม่รู้จักเค้า แต่เค้าเรียนโรงเรียนเดียวกับผม ซึ่งก็บอกเค้าว่าโอเค ผมไม่ได้ติดใจอะไร แต่ว่าเราก็พูดว่าอาจจะต้องให้พี่โพสต์ขอโทษหน่อยนะ
เพราะหนึ่งคือผมก็จำไม่ได้ เค้าก็จำไม่ได้ เราไม่สามารถที่จะพิสูจน์ความจริงได้ สุดท้ายผมก็เลยให้เค้าติดต่อบุคคลที่สาม ที่เค้าเอ่ยถึง เค้าก็ไปทำแชตปลอมมา แต่ว่าเราจับได้ เราก็มีความรู้สึกว่าพอไม่ได้โปร่งใส จริงๆ การฟ้องเป็นเหมือนการป้องกันตัวมากกว่า เราก็รักษาสิทธิ์ว่าหากเราไว้ใจเค้ามิได้ เราขอดำเนินการไว้ก่อน ปัจจุบันนี้ยังไม่ได้ขึ้นสู่ชั้นศาล แต่เค้าก็หยุดแล้วครับ จริงๆ เค้าโพสต์ขอโทษเรียบร้อยแล้ว อันนี้ก็เป็นเรื่องไกล่เกลี่ยกันมากกว่า”
แล้วความรู้สึกเราเดี๋ยวนี้ดีขึ้นมั้ย?
“ก็ดีขึ้นครับผม มิได้ติดใจอะไรกับเรื่องนี้ขนาด นั้น แต่พอดีเค้าดันไปอ้างถึงอีกคนหนึ่ง ซึ่งอีกคนหนึ่งผมดันรู้จักเค้า เค้าก็เลยออกมาเล่าในมุมเค้า ผมก็ไม่ได้ติดใจ แต่ว่าในมุมหนึ่งผมก็สงสารเค้าด้วย หลังจากฟ้องไปก็ยังไม่ได้ติดต่อเลย ได้เคลียร์แล้วก็สบายใจขึ้นครับผม ผมเป็นคนไม่ค่อยชอบมีเรื่องราวคดีความ มันคาใจหน่อยนึง แต่ก็ทำดีที่สุดแล้ว”
กับเรื่องในอดีตเรารู้สึกยังไงบ้างที่ช่วงนี้มันโดนขุดกลับมา จริงบ้างไม่จริงบ้าง?
“พอเราใช้ชีวิตไป ในบางเรื่องที่เราได้รับการเอดดูเคตมากขึ้น หรือสังคมได้รับการเอดดูเคตมากขึ้น เราก็มีจุดด่างพร้อยกันหมดแหละ ผมก็มีข้อผิดพลาดมากมายในชีวิต ที่ผ่านมา มันก็เป็นสิ่งที่เราต้องยอมรับ แล้วในฐานะของคนคนหนึ่ง หากเราทำจริง แล้วในวันนี้มันถูกเอดดูเคตว่า สิ่งนี้มันไม่เหมาะสม มันเข้าใจได้ แล้วก็ยอมรับได้ ก็ยอมรับว่าเราเป็นอย่างไรในวันนั้น แล้ววันนี้เราเป็นยังไง เราเปลี่ยนไปอย่างไร ปรับปรุงตนเองยังไง ข้อดีคือมันสะท้อนสังคม ให้เห็นว่าสิ่งนี้มันไม่ดี แล้วมันเป็นสิ่งที่เราก็เคยทำ แต่ในวันนี้เราทำความเข้าใจกับสิ่งนี้ เราเติบโตมาและก็เราก็ขอโทษ ที่ในวันนั้นเราอาจจะมิได้เข้าใจมันดีขนาดนั้น”
แฟนคลับเป็นห่วงสภาพจิตใจเรา?
“ก็ได้อยู่ครับ ไปเรื่อยๆ เนื่องจากว่าเราทำจริงๆ หมายถึงว่าในบางเคส เราก็ยอมรับและก็เราก็ไปต่อ เราก็ขอโทษ ผมว่ามันเข้าใจได้ ในวันนั้นกับในวันนี้มันแตกต่างกัน”
เป็นการเสริมภูมิในแวดวงบันเทิงมั้ย?
“ก็ด้วยครับผม แต่มันก็คือเรื่องที่ไม่ค่อยชิน เรื่องบางเรื่องมันผ่านมานานแล้ว แต่ถ้าหากมันจริงเราก็ต้องยอมรับว่ามันจริง ความจริงก็คือความจริง”
บิวกิ้น พุฒิพงศ์ ขอโทษจากใจ โดนขุดพฤติกรรมเคยบูลลี่เพื่อน LGBTQ+ ยอมรับขาดวิจารณญาณ
ดาราคนที่ใครๆก็รู้จักหลายคน เริ่มโดนขุดเรื่องราวในอดีต รวมทั้งวีรกรรมสุดแสบยุคตอนยังเด็ก รวมถึงหนุ่ม บิวกิ้น พุฒิพงศ์ อัสสรัตนกุล ก็โดนด้วยเหมือนกัน โดยเจ้าตัวได้ถูกแคปข้อความ ที่เคยบูลลี่เพื่อนในวัยเรียน ซึ่งเป็น LGBTQ+ แล้วก็นำออกมาโพสต์ลงโซเชียล ซึ่งตัว บิวกิ้น เองก็ได้ออกมาขอโทษและอธิบาย พร้อมกับแสดงความสำนึกผิดแล้ว โดย บิวกิ้น ได้กล่าวว่า
“จากในกรณีที่มีการแชร์ คอมเมนต์ในเฟซบุ๊กของผมและเพื่อนสนิทในอดีต ผมขอยืนยันว่าเป็นเฟซบุ๊กของผมจริง และได้พิมพ์คอมเมนต์ ด้วยตัวเองจริงๆ ภายหลังจากทราบเรื่อง ผมได้ติดต่อไปหาเพื่อนสนิทคนดังกล่าว ผมได้ขอโทษเพื่อนเรียบร้อย โดยเพื่อนไม่ได้ติดใจกับคอมเมนต์ของผมแล้ว
กรณีนี้ผมยอมรับว่า คอมเมนต์ที่ผมเคยอ้างถึงไม่ได้เป็นความจริงแต่อย่างใด และในวันนั้นผมได้กระทำ โดยขาดวิจารณญาณ สำหรับการคิดแล้วก็ไตร่ตรองให้รอบคอบถึงผลลัพธ์ ทุกทางที่อาจเกิดขึ้นกับผู้อื่นทั้งทางตรงแล้วก็ทางอ้อม
ในวันนี้ผมรู้สึกเสียใจกับการกระทำ ในอดีตทั้งกรณีในนี้ รวมถึงการกระทำอื่นๆ ที่ผมเคยทำในทำนองเดียวกัน กับบุคคลอื่นๆด้วย วันนี้ผมเติบโต เรียนรู้ มีวิจารณญาณ สามารถรับทราบรวมทั้งแยกแยะถึงสิ่งที่ไม่ดีต่างๆ มากเพิ่มขึ้นแล้ว ซึ่งผมจะไม่ให้กรณีที่ไม่เหมาะสมแบบนี้เกิดขึ้นอีก สุดท้ายนี้ผมขอโทษเพื่อนสนิทของผมอีกครั้ง รวมทั้งขอโทษทุกคน มา ณ ที่นี้ด้วยครับ บิวกิ้น 10 มกราคม 2566”.